ปัญหาสำคัญแต่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครพูดกันก็คือว่า กามารมณ์ในชีวิตสมรสนั้น มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน ส่งผลสะเทือนกับการทำให้ชีวิตคู่ยืนยาวและทำให้สุข หรือทุกข์หรือไม่เพียงไร
สามีภรรยาที่อยู่กันไม่ได้และต้องเลิกรากันไป เมื่อคนไปถามก็มักจะบอกว่า ความเห็นไม่ตรงกัน สามีภรรยาจำนวนมากที่เลิกกันก็มักจะใช้เหตุผลนี้ในการบอกใครต่อใคร ว่าความเห็นไม่ตรงกัน ทัศนะต่างๆ ไม่ตรงกัน แต่จิตแพทย์เราไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น เพราะเราไม่พอใจเพียงคำตอบแค่นั้น จะเจาะลึกลงไปเข้าไปสัมภาษณ์อย่างจริงจังทั้งสองฝ่าย เราจึง พบว่ากว่า 60% ของคู่สมรสที่อยู่กันไม่ได้ มีสาเหตุสำคัญที่สุด (นอกเหนือสาเหตุที่สำคัญอื่นๆ) เพราะปัญหาทางกามารมณ์หรือทางเพศ
สาเหตุที่ทำให้เซ็กส์เข้ากันไม่ได้ มีมากมาย อาจแบ่งเป็นชายและหญิง ทางฝ่ายชายนั้นปัญหาที่พบมากที่สุดคือ เรือล่มปากอ่าว ผู้ชายไทยส่วนใหญ่มีประสบการณ์ทางเพศเรียนรู้ จากการเที่ยวโสเภณี หมอนวด โรงน้ำชา การเพื่อบำบัดความใคร่บนร่างกายของผู้หญิงโสเภณี ไม่ใช่ไปแสดงความรัก ฉะนั้นเมื่อใช้ร่างโสเภณีบำบัดความใคร่ มันก็รักไม่เป็น เมื่อแต่งงานกับหญิงคนรัก ความถนัด ความเคยชินที่เคยปฏิบัติกับหญิงโสเภณีในอดีต ใช้ร่างกายนั้นบำบัดความใคร่ตัวเอง เมื่อมีภรรยาแสดงความรักอย่างธรรมชาติไม่เป็น เพราะฉะนั้นก็เลยปฏิบัติกับภรรยาตัวเอง เสมือนหนึ่งที่เคยปฏิบัติกับหญิงโสเภณี พูดง่ายๆ ก็คือ เอาแต่ใจตัวเองทุกอย่าง ทำทุกอย่างเพื่อสนองตัณหา สนองความพอใจทางเพศของตัวเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย อาจจะคิดเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เขามีความสุข เพราะไม่เคยทำ ไม่เคยคิดมาก่อน เวลานอนกับโสเภณีมีใครเคยคิดบ้างว่าจะทำให้โสเภณีมีความสุขอย่างไร ก็มีแต่ตักตวงหาความสุขของตัวเองทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เป็นสาเหตุสำคัญประการแรกเลยในชีวิตสมรสนั่นคือ ผู้หญิงรู้สึกว่าตัวเองถูกเอาเปรียบ ตัวเองถูกใช้ ถูกอาศัยร่างกายบำบัดความใคร่ โดยไม่คำนึงถึงจิตใจของฝ่ายหญิงเลยในเมื่อฝ่ายชายล่มปากอ่าว ผู้หญิงจะรู้สึกผิดหวัง ยิ่งเกิดอารมณ์เพศแล้วด้วย เพราะฝ่ายชายมากระตุ้นจนเริ่มมีอารมณ์ แล้วฝ่ายชายเกิดล่มปากอ่าว ฝ่ายหญิงก็จะรู้สึกไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ไม่มีความสุข ถูกเอาเปรียบ แต่ตอนแรกบ่นไม่ ได้ พูดไม่ออก เพราะแต่งงานใหม่ๆ เล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ จะปรึกษาสามีก็ไม่ได้ เพราะเรื่องอย่างนี้ถ้าพูดกับสามีโอกาสเสี่ยงมาก เพราะ
หากสามีเป็นคนอ่อนไหว ก็กลัวว่าไปกระทบกระเทือนความเป็นชายชาตรีของเขา ทำให้รู้สึกเป็นปมด้อย ในเรื่องความเป็นเพศชาย
กลัวว่าพูดไปแล้วฝ่ายชายจะหาว่ามักมาก ความเป็นหญิงก็เลยปิดปาก ปิดใจไว้ แต่ยังไม่กล้าจะโวยวายอะไร เพียงแต่รู้สึกรำคาญ
ส่วนมากปัญหาจะไปปรากฎตอน 5-7 ปี หลังแต่งงานที่ฝรั่งเขาว่า seven year itch คือ คันหลังแต่งงาน 7 ปี ลูกก็โตไปโรงเรียนได้แล้ว แม่บ้านก็มีเวลาได้คิดมากขึ้นว่าสามีใช้ร่างกายเราบำบัดความใคร่มาหลายปีแล้ว เริ่มจะเรียกร้อง เริ่มกล้าวิจารณ์สามี ความระหองระแหงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียว ในบรรดาปัญหาทางเพศทั้งหลาย ไม่รวมถึงปัญหาทางเพศอีกมากมาย รวมทั้งปัญหาสมัยนี้ที่ สามีเป็นตุ๊ดเป็นเกย์
เพราะฉะนั้นสุภาพสตรีทั้งหลายที่เป็นโสดเวลาเลือกคู่ดูให้ดีก่อน เพราะถ้าเป็นผู้ชายจริง เวลาเข้าใกล้คนรักมือมักจะไม่อยู่เฉยๆ เป็นหนวดปลาหมึกทั้งนั้น ที่นั่งทำหน้าเรียบร้อย นัดกันกี่ครั้งก็ไม่เคยแตะต้องเลย ระวังเถอะ เดี๋ยวนี้ผู้ชายเป็นเกย์เต็มสังคมไทยเรา คุณสุภาพบุรุษก็ระวังให้ดี เพราะว่าเดี๋ยวนี้ทอมกับดี้มีเต็มเลย ผู้ชายปกติเขาไม่เลือกผู้หญิงทอมเป็นคู่ ถ้าจะไปเลือกผู้หญิงทอม ส่วนมากผู้ชายคนนั้นมักจะเป็นคนอ่อนแอ ผู้ชายไม่กล้าสู้ ไม่กล้าออกหน้า ออกตา จึงจะไปเลือกผู้หญิงที่เป็นทอม มาเป็นคู่ แต่ผู้ชายโดยปกติทั่วไปก็มักจะดูผู้หญิงที่เป็นดี้ไม่ออก ผู้หญิงที่เป็นดี้มักจะมีความคิด ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เหมือนคนอื่นเขา อยากมีสามีอยากมีผู้ชายเป็นตัวเป็นตน เพราะฉะนั้นตอนชิงรักหักสวาทระหว่างเธอจะตัดใจจากทอมเก่ามาไมตรีกับหนุ่มใหม่เป็นเรื่องที่วุ่นวายมาก บางทีก็มีการฆ่า มีการล้างแค้นกัน แล้วจะมีดี้จำนวนไม่น้อยเลยที่แม้แต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน บางทีมีลูกด้วยซ้ำ ก็ยังตัดสวาทจากทอมแฟนเก่าไม่ได้ แทนที่จะมีสามีคนเดียว ก็เลยมีทอมแถมมาอีกหนึ่งคน จนกระทั่งเป็นปัญหาในชีวิตสมรสปัจจุบันอีกมากมาย
คงไม่แนะนำให้ทดลองอยู่กันก่อนแต่ง เพียงแต่ว่าให้ทั้งสองฝ่ายหาความรู้ทางเพศศึกษาให้มากกว่านี้ อย่าละเลยหรืออย่าทำเป็นแกล้งไม่มอง ไม่พิจารณาถึงปัญหาทางเพศ เพราะพอแต่งไปแล้ว เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ส่วนมากกว่าจะกล้ามาหาจิตแพทย์หรือแพทย์ที่มีความสามารถในทางรักษาปัญหาทางเพศส่วนมากมันก็สายเกินแก้ เพราะฉะนั้นปัญหาทางเพศเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตสมรส เรื่องอื่นเข้ากันไม่ได้เลย ถ้าเรื่องนี้เข้ากันได้เรื่องเดียว บางทีชีวิตสมรสก็อยู่กันได้ยืดและมีความสุข ถึงแม้จะทะเลาะกันเป็นประจำ